เหรียญหลวงพ่อฉุย วัดคงคาราม ปี 2465

เหรียญหลวงพ่อฉุย วัดคงคาราม จ.เพชรบุรี รุ่นแรก ปี 2465 พิมพ์โมมีใส้

เหรียญหลวงพ่อฉุยวัดคงคาราม จ. เพชรบุรี ก็ยังคงครองอันดับ “หนึ่ง”ทั้งในด้านราคา ! ค่านิยม ! ของนักเลงพระเมืองเพชรบุรีมาโดยตลอด สมแล้วกับสมญานามที่มือปืนเมืองเพชรยกย่องว่า “ปรมาจารย์ผู้อยู่เหนือมัจจุราช” สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๔๖๕ ที่ท่านสร้างเพื่อแจกแก่พ่อค้าประชาชนที่ร่วมสร้างมณฑปประดิษฐานพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดา ที่วัดคงคาราม ลักษณะเหรียญรุ่นแรกเป็นรูปไข่ ลักษณะใหญ่กว่าเหรียญรูปไข่หลวงพ่ออื่นๆ เล็กน้อย ด้านหน้า มีโบล้อมรอบ โดยได้แบบอย่างมาจากเหรียญสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระวชิรญาณวโรรส เป็นฝีมือช่างหลวงจึงอ่อนช้อยงดงาม เป็นเนื้อทองแดงเนื้อเดียว หูเชื่อมด้วยน้ำประสานเงิน ด้านหลัง เป็นยันต์กระบองไขว้จำหลักพระคาถาหัวใจพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ ?นะ โม พุท ธา ยะ?

หลวงพ่อฉุย สุขะ หรือ นามสมณศักดิ์ ท่านเป็นถึงเจ้าคุณในราชทินนามว่า พระสุวรรณมุนีนรสีห์ธรรมทายาทสังฆปาโมกข์ หรือเรียกสั้น ๆ ว่าพระสุวรรณมุนี ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดเพชรบุรี เจ้าอาวาสวัดคงคาราม เมื่อบวชเป็นพระแล้วได้จำพรรษาอยู่กับพระอุปัชฌาย์ที่ วัดคงคาราม ขยันหมั่นเพียรท่องมนต์เจ็ดตำนาน สิบสองคำนาน ปาฏิโมกข์จนจบหลักสูตรจึงได้หันมาศึกษาในด้านพระปริยัติธรรม มีความรู้แตกฉานในด้านปกครอง

โดยอุปนิสัยท่านเป็นผู้มีจิตใจเด็ดเดี่ยว ไม่ว่าตั้งใจจะศึกษาอะไรต้องเรียนให้จบ และทดสอบให้กระจ่างแจ้ง หากสิ่งใดถ้าเรียนมาแล้วไม่ทำให้เกิดประโยชน์ท่านก็ละเสีย เพราะบางวิชาเรียนมาแล้วหากนำมาใช้อาจทำให้เกิดโทษแก่ผู้อื่น ๆ ได้ ท่านก็ไม่นำมาใช้เพียง ให้รู้ไว้เท่านั้น สิ่งใดที่เป็นคุณท่านก็นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย

ต่อมาได้ศึกษาค้นคว้าพระไตรปิฎกจนได้รับภูมิความรู้ต่าง ๆ ก็สู้การศึกษาด้านวิปัสสนามิได้เพราะเป็นหนทางขั้นสุดท้ายที่จะเดินไปสู่พุทธภูมิอย่างแท้จริง หลวงพ่อฉุยจึงได้เดินทางมาฝากตัวเป็นศิษย์อยู่กับ พระอาจารย์ครุฑ วัดมหาธาตุ ซึ่งเป็นพระอาจารย์สอนในทางวิปัสสนากรรมฐานมีชื่อเสียงโงดังของเมืองเพชรบุรี ในเบื้องต้น พระอาจารย์ครุฑ ได้ให้ท่านเข้าไปฝึกนั่งวิปัสสนาเจริญภาวนาอยู่ในป่าช้าท้ายวัดเพื่อเป็นการทดสอบจิตใจว่า มีความเข้มแข็งหรือไม่ปรากฏว่าท่านนั่งบำเพ็ญเพียรตั้งแต่หัวค่ำยันรุ่งอรุณจึงกลับกุฏิปฏิบัติอยู่อย่างนี้ จนอาจารย์รู้โดยฌานว่าท่านได้ภูมิสมาธิแก่กล้า จึงได้บอกให้กลับไปปฏิบัติที่สำนักของตนเอง พร้อมกับแนะนำให้เป็นอาจารย์สอนวิปัสสนากรรมฐานสืบต่อไป